Change your language, please be patient.

สารอาหารและวิตามินที่ช่วยในการบำรุงสมองและความจำ



สารอาหารและวิตามินที่ช่วยในการบำรุงสมองและความจำ

การมี ความจำ และการทำงานของสมองที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านการศึกษา การทำงาน หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันโดยทั่วไป หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าการรับประทานอาหารประเภทใดหรือได้รับวิตามินตัวไหนจะช่วย บำรุงสมอง ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมในอนาคตได้บ้าง ความจริงแล้วการดูแลสุขภาพสมองมิได้จำกัดเพียงแค่กลุ่มวัยสูงอายุเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกช่วงวัย เพราะสมองนั้นมีบทบาทในการคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ และการเก็บข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เสมอ

 

ความสำคัญของสมองและความจำ

 

สมองเป็นอวัยวะที่มีความซับซ้อนที่สุดในร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วยเซลล์ประสาทหลายพันล้านเซลล์ที่เชื่อมโยงเครือข่ายกันอย่างละเอียดอ่อน สมองทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ความคิด การรับรู้ การเรียนรู้ ความจำ และยังเป็นศูนย์กลางสั่งงานให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานอย่างสอดคล้องกัน

ความจำ เป็นกระบวนการที่สมองจัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลที่ได้รับเข้ามา ภาวะความจำเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's) หรือความผิดปกติอื่น ๆ ของสมองมักเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น แต่ในยุคปัจจุบันที่มีข้อมูลข่าวสารมหาศาล การใช้ชีวิตที่เคร่งเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ และการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล ล้วนมีส่วนส่งเสริมให้ความจำสั้นลงหรือประสิทธิภาพสมองลดลงได้ก่อนวัยอันควร

การส่งเสริมสุขภาพสมองจึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ โดยเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีประโยชน์ต่อการ บำรุงสมอง เสริมด้วยวิตามินหรือเกลือแร่ต่าง ๆ ที่ช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นสมองในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

สารอาหารหลักที่ช่วยบำรุงสมองและความจำ

  1. กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids)
    • โอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง ต้องได้รับจากอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กรดไขมันโอเมก้า-3 ประกอบด้วย DHA (Docosahexaenoic acid) และ EPA (Eicosapentaenoic acid) ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาของสมอง โครงสร้างของผนังเซลล์ประสาท และการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง การขาดโอเมก้า-3 อาจทำให้สมาธิและความจำลดลง
    • แหล่งอาหาร: ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทู ปลาทูน่า เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseeds) เมล็ดเจีย (Chia seeds) วอลนัท
    • งานวิจัยอ้างอิง: มีงานวิจัยจาก Journal of Alzheimer’s Disease (ปี 2016) รายงานว่าผู้ที่ได้รับ โอเมก้า-3 อย่างเพียงพอมีแนวโน้มในการลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมและช่วยคงความสามารถด้านความจำได้ดีกว่าผู้ที่ขาด
  2. โปรตีน (Protein)
    • โปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงเนื้อเยื่อสมองและเซลล์ประสาท โปรตีนจากแหล่งที่มีคุณภาพสูงจะช่วยส่งเสริมการสังเคราะห์สารสื่อประสาท (Neurotransmitters) เช่น โดพามีน เซโรโทนิน และอะซิทิลโคลีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์ ความจำ และสมาธิ
    • แหล่งอาหาร: เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ นม ถั่วเหลือง ถั่วชนิดต่าง ๆ
    • งานวิจัยอ้างอิง: การศึกษาจาก British Journal of Nutrition (2019) พบว่าการบริโภคโปรตีนที่เพียงพอร่วมกับการได้รับสารอาหารสำคัญอื่น ๆ ส่งผลให้กระบวนการสังเคราะห์สารสื่อประสาทเป็นไปอย่างเหมาะสม ช่วยให้ความจำและการเรียนรู้ของสมองดีขึ้น
  3. คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carbohydrates)
    • แม้สมองจะต้องการพลังงานจากกลูโคสเป็นหลัก แต่การเลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ย่อยช้า เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และธัญพืชเต็มเมล็ด จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดแกว่งซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า หงุดหงิดง่าย และสมาธิลดลง
    • แหล่งอาหาร: ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต ข้าวบาร์เลย์ ธัญพืชไม่ขัดสี
    • งานวิจัยอ้างอิง: การศึกษาของ American Journal of Clinical Nutrition (2018) ระบุว่าการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีผลอย่างยิ่งต่อการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในด้านความจำระยะสั้นและสมาธิ
  4. สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)
    • สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และโพลีฟีนอลในผักผลไม้ มีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์สมองจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ (Free radicals) ซึ่งอนุมูลอิสระอาจเกิดจากมลภาวะ ความเครียด การออกซิเดชันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย การเสริมสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยลดการอักเสบและลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม
    • แหล่งอาหาร: ผักและผลไม้ที่มีสีสันสด เช่น บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี กีวี ส้ม พริกหวาน มะเขือเทศ ผักโขม บรอกโคลี
    • งานวิจัยอ้างอิง: บทวิจัยใน Brain, Behavior, and Immunity (2017) พบว่าการบริโภคผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมากส่งเสริมสุขภาพสมอง และอาจช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของสมองในผู้สูงอายุได้
 

วิตามินที่มีบทบาทในการบำรุงสมองและความจำ

  1. วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex)
    • ในกลุ่มของวิตามินบีมีหลากหลายชนิด เช่น บี1 (ไทอามีน) บี6 (ไพริดอกซีน) บี9 (โฟเลต) และบี12 (โคบาลามิน) ซึ่งต่างก็มีส่วนช่วยในการเผาผลาญพลังงาน และเกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์สารสื่อประสาท เมื่อร่างกายขาด วิตามินบี อาจทำให้เกิดอาการชาตามมือเท้า เหนื่อยล้า หรือส่งผลต่อระบบประสาทและความจำ
    • แหล่งอาหาร: ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว ผักใบเขียวเข้ม ไข่ ตับ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
    • งานวิจัยอ้างอิง: ผลการศึกษาจาก American Journal of Clinical Nutrition (2010) พบว่าการได้รับวิตามินบี12 อย่างเพียงพอช่วยลดระดับโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ซึ่งเป็นสารเคมีที่อาจทำลายเซลล์ประสาท ส่งผลให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์
  2. วิตามินดี (Vitamin D)
    • หลายคนรู้จักวิตามินดีในฐานะวิตามินสำคัญในการดูดซึมแคลเซียมและบำรุงกระดูก แต่จริง ๆ แล้ววิตามินดีมีบทบาทต่อการทำงานของสมองเช่นกัน เนื่องจากวิตามินดีมีส่วนช่วยในการปกป้องและควบคุมการเติบโตของเซลล์ประสาท เมื่อขาดวิตามินดี อาจสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน และมีแนวโน้มเกิดภาวะสมองเสื่อมได้
    • แหล่งอาหาร: ปลาที่มีไขมันสูง (แซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทู) ไข่แดง เห็ดบางชนิด นมเสริมวิตามินดี
    • งานวิจัยอ้างอิง: รายงานการศึกษาจาก Neurology (2014) พบว่าผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมสูงกว่าผู้ที่ได้รับวิตามินดีเพียงพอ
  3. วิตามินอี (Vitamin E)
    • วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์สมองจากการถูกทำลาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของสมอง การได้รับวิตามินอีอย่างเพียงพออาจช่วยลดความรุนแรงของภาวะอัลไซเมอร์หรือชะลอความเสื่อมของสมองได้
    • แหล่งอาหาร: น้ำมันพืช (น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันมะกอก) อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ วอลนัท
    • งานวิจัยอ้างอิง: การทดลองสุ่มแบบควบคุมใน Archives of Internal Medicine (2006) โดย Kang et al. พบว่าการให้วิตามินอีเสริมในหญิงวัยสูงอายุส่งผลดีต่อการทำงานของสมองในด้านความจำระยะสั้น แม้ไม่ได้ป้องกันทุกปัจจัยเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมทั้งหมด แต่ก็บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มที่ดี
  4. วิตามินซี (Vitamin C)
    • วิตามินซีเป็นอีกหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและการสังเคราะห์สารสื่อประสาทบางชนิด เช่น นอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) ที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อความเครียดและสมาธิ
    • แหล่งอาหาร: ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม สับปะรด ฝรั่ง กีวี สตรอว์เบอร์รี ผักใบเขียว บรอกโคลี
    • งานวิจัยอ้างอิง: งานวิจัยจาก Nutrients (2017) ระบุว่าวิตามินซีมีส่วนช่วยลดการอักเสบในระบบประสาท และอาจมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสมองจากภาวะเสื่อม
  5. โคลีน (Choline)
    • โคลีนเป็นสารกึ่งวิตามิน (vitamin-like) ที่มักถูกจัดรวมอยู่ในกลุ่มวิตามินบี เนื่องจากเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์อะซิทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจดจำและการควบคุมกล้ามเนื้อ การขาดโคลีนอาจมีผลกระทบต่อความจำและการเรียนรู้
    • แหล่งอาหาร: ไข่แดง ตับ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่วเหลือง จมูกข้าวสาลี
    • งานวิจัยอ้างอิง: งานวิจัยใน American Journal of Clinical Nutrition (2011) แสดงให้เห็นว่าการบริโภคโคลีนอย่างเหมาะสมสัมพันธ์กับผลลัพธ์ที่ดีในด้านการทดสอบความจำระยะสั้นและระยะยาว
 

แร่ธาตุสำคัญที่ช่วยบำรุงสมองและความจำ

  1. สังกะสี (Zinc)
    • สังกะสีมีบทบาทในการสังเคราะห์ DNA และโปรตีน และเป็นส่วนหนึ่งของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบประสาทและการทำงานของสารสื่อประสาทหลายชนิด หากขาดสังกะสีอาจทำให้ระบบความจำด้อยประสิทธิภาพลงได้
    • แหล่งอาหาร: หอยนางรม เนื้อแดง ไข่ ถั่ว เมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโม
    • งานวิจัยอ้างอิง: บทความใน Progress in Neurobiology (2018) ชี้ว่าสังกะสีช่วยสนับสนุนการทำงานของสมองและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาทได้ในระดับหนึ่ง
  2. แมกนีเซียม (Magnesium)
    • แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการควบคุมปฏิกิริยาเอนไซม์ในร่างกายมากกว่า 300 ชนิด รวมถึงกระบวนการสร้างพลังงานและสังเคราะห์สารสื่อประสาท มีการวิจัยแสดงว่าแมกนีเซียมช่วยในกระบวนการเรียนรู้และความจำอย่างมีนัยสำคัญ
    • แหล่งอาหาร: ผักใบเขียวเข้ม ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี เมล็ดพืชต่าง ๆ
    • งานวิจัยอ้างอิง: งานวิจัยของ Neuron (2010) ระบุว่าการเพิ่มระดับแมกนีเซียมในสมองช่วยเสริมสร้างจุดเชื่อมต่อประสาท (Synapses) และเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และความจำ
  3. เหล็ก (Iron)
    • ธาตุเหล็กไม่เพียงแต่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง หากร่างกายขาดธาตุเหล็กจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ส่งผลให้สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อความจำ สมาธิ และประสิทธิภาพการเรียนรู้
    • แหล่งอาหาร: เนื้อสัตว์ ตับ ผักใบเขียวเข้ม ธัญพืชเสริมธาตุเหล็ก
    • งานวิจัยอ้างอิง: การศึกษาจาก Journal of Nutrition (2012) พบว่าการขาดธาตุเหล็กในเด็กวัยเรียนมีผลต่อการพัฒนาทางสติปัญญาและทักษะการเรียนรู้ จึงแนะนำให้ได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอตั้งแต่วัยเยาว์
 

อาหารและรูปแบบการกินที่ช่วยบำรุงสมอง

  1. อาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Diet)
    • รูปแบบการกินที่เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ปลา ถั่ว เมล็ดธัญพืช และน้ำมันมะกอกเป็นหลัก มีงานวิจัยจำนวนมากบ่งชี้ว่าอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพสมองในระยะยาว
    • งานวิจัยใน Frontiers in Nutrition (2019) แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ปฏิบัติตามอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนมีความเสี่ยงลดลงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
  2. อาหารแบบ DASH (Dietary Approaches to Stop Hypertension)
    • เป็นรูปแบบการกินที่เน้นผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ลดปริมาณโซเดียมและไขมันอิ่มตัว ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมความดันโลหิต แต่ยังเป็นมิตรต่อสุขภาพสมองและความจำอีกด้วย
    • งานวิจัยจาก JAMA Internal Medicine (2015) พบว่าการรับประทานอาหารแบบ DASH มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมได้
  3. อาหารสุขภาพสมองแบบ MIND Diet
    • เป็นการผสมผสานแนวทางการกินระหว่างแบบเมดิเตอร์เรเนียนและ DASH Diet โดยโฟกัสไปที่อาหารที่มีประโยชน์ต่อสมองเป็นหลัก เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ถั่ว ปลา น้ำมันมะกอก โดยจำกัดอาหารที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะอักเสบและภาวะสมองเสื่อม เช่น เนื้อแดง ไขมันทรานส์
    • การศึกษาใน Alzheimer’s & Dementia (2015) ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่ปฏิบัติตาม MIND Diet อย่างเคร่งครัดมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
 

วิธีการรับประทานและแนวทางการดูแลสุขภาพสมอง

  1. รับประทานอาหารหลากหลาย: ควรมีผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสีทุกมื้อ ควบคู่กับโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ เต้าหู้ หรือถั่วต่าง ๆ
  2. เพิ่มไขมันดี: ใช้ น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว หรือรับประทานอาหารที่มี โอเมก้า-3 สูงอย่างสม่ำเสมอ
  3. ควบคุมปริมาณน้ำตาลและโซเดียม: การได้รับน้ำตาลและเกลือมากเกินไปอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบทางอ้อมต่อสุขภาพสมอง
  4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: สมองประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ การขาดน้ำแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจลดประสิทธิภาพของสมองได้
  5. หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและไขมันทรานส์: อาหารทอด เนื้อสัตว์แปรรูป และขนมกรุบกรอบที่ผ่านกระบวนการมาก ๆ มักมีไขมันทรานส์และโซเดียมสูง
  6. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น ยังช่วยกระตุ้นการเจริญของเซลล์ประสาทใหม่ ๆ ในสมอง
  7. พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับน้อยเกินไปทำให้ความจำสั้นลง สมาธิลดลง และเสี่ยงต่อความเครียดที่อาจกระทบต่อสมอง
  8. จัดการความเครียด: ความเครียดเรื้อรังจะปล่อยฮอร์โมนคอร์ติโซล (Cortisol) ซึ่งทำลายเซลล์สมองและนำไปสู่ภาวะความจำเสื่อมได้
 

แนวทางการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับบำรุงสมอง

หากคุณกังวลว่ารับประทานอาหารไม่หลากหลายหรือไม่เพียงพอ การเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดอาจเป็นทางเลือกในการ เสริมความจำ ได้เช่นกัน แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยาบางประเภทอยู่แล้ว

  1. ผลิตภัณฑ์โอเมก้า-3: เลือกที่มี DHA และ EPA สัดส่วนสูง
  2. วิตามินบีรวม (B Complex): เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงในการขาดวิตามินบี หรือผู้สูงอายุ
  3. วิตามินดี3: สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดน้อยหรือมีปัญหาเรื่องระดับวิตามินดีต่ำ
  4. สารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เช่น วิตามินอี สารสกัดจากเมล็ดองุ่น หรือสารสกัดจากชาเขียว
  5. โคลีนและเลซิทิน (Lecithin): สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสารสื่อประสาทในสมอง
 

สรุป

สุขภาพสมองเป็นสิ่งที่ต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง เพราะสมองเป็นอวัยวะที่มีความซับซ้อนและมีบทบาทหลากหลายในการดำเนินชีวิต การเลือกอาหารที่เหมาะสมและครบถ้วนด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นจะช่วยสนับสนุนสมองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วย บำรุงสมอง ป้องกันภาวะ ความจำ เสื่อมได้ในระยะยาว

โดยหลักแล้ว สิ่งสำคัญคือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควบคุมคุณภาพและปริมาณสารอาหารที่ได้รับ หลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ อาหารเสริมสมอง ควรเลือกชนิดที่มีมาตรฐานและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

  1. ควรรับประทานวิตามินบีเพื่อบำรุงสมองในปริมาณเท่าไรต่อวัน?
    วิตามินบีแต่ละชนิดมีปริมาณที่แนะนำแตกต่างกันไป เช่น บี1 (1.1-1.2 มก./วัน), บี6 (1.3-1.7 มก./วัน), บี12 (2.4 ไมโครกรัม/วัน) ซึ่งขึ้นอยู่กับเพศและวัย ควรดูฉลากหรือปรึกษาแพทย์เพื่อปรับปริมาณให้เหมาะสม
  2. ถ้าไม่ชอบกินปลา จะมีทางเลือกอื่นในการได้รับโอเมก้า-3 หรือไม่?
    ได้แน่นอน สามารถเลือกอาหารประเภทถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย วอลนัท ซึ่งอุดมด้วย ALA (Alpha-Linolenic Acid) ที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็น DHA และ EPA ได้ในระดับหนึ่ง หรือตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นน้ำมันสกัดจากพืช
  3. ควรเลือกซื้ออาหารเสริมสมองยี่ห้อไหนดี?
    ขึ้นอยู่กับความเชื่อถือในแบรนด์และมาตรฐานการผลิต ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP หรือมีเครื่องหมาย อย. เพื่อความปลอดภัย และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้
  4. ดื่มกาแฟจะช่วยบำรุงสมองได้จริงหรือไม่?
    คาเฟอีนในกาแฟมีส่วนช่วยกระตุ้นความตื่นตัวและสมาธิระยะสั้น แต่การดื่มกาแฟมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการใจสั่น นอนไม่หลับ และในระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ควรดื่มแต่พอดี และหลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาลหรือครีมเทียมในปริมาณมาก
  5. วัยรุ่นควรเริ่มดูแลสมองอย่างไรบ้าง?
    การดูแลสมองสำหรับวัยรุ่นสามารถเริ่มจากการรับประทานอาหารที่หลากหลายและสมดุล ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่อดนอน เพื่อลดความเครียดสะสม หากรู้สึกว่าเครียดมาก ควรหากิจกรรมผ่อนคลายและอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
  6. ควรทานวิตามินบำรุงสมองเพื่อสุขภาพสมองระยะยาวเป็นประจำหรือไม่?
    หากได้รับสารอาหารจากอาหารตามปกติครบถ้วนแล้ว อาจไม่จำเป็นต้องใช้วิตามินเสริมทุกชนิด การปรึกษาแพทย์หรือตรวจเลือดเป็นระยะจะช่วยให้ทราบถึงภาวะขาดสารอาหารและได้รับคำแนะนำที่ตรงจุดที่สุด
 

แหล่งอ้างอิงงานวิจัย (Reference)

  1. Kang JH, Cook NR, Manson JE, Buring JE, Grodstein F. (2006). A randomized trial of vitamin E supplementation and cognitive function in women. Archives of Internal Medicine, 166(22):2462-2468.
  2. Morris MC, Tangney CC, Wang Y, Sacks FM, Bennett DA, Aggarwal NT. (2015). MIND diet associated with reduced incidence of Alzheimer’s disease. Alzheimer’s & Dementia, 11(9):1007-1014.
  3. van Gelder BM, Tijhuis M, Kalmijn S, Kromhout D. (2007). Fish consumption, n−3 fatty acids, and subsequent 5-y cognitive decline in elderly men: the Zutphen Elderly Study. The American Journal of Clinical Nutrition, 85(4):1142-1147.
  4. Berti V, Walters M, Sterling J, et al. (2018). Mediterranean diet and 3-year Alzheimer brain biomarker changes in middle-aged adults. Neurology, 90(20):e1789-e1798.
  5. Luchsinger JA, Mayeux R. (2004). Dietary factors and Alzheimer’s disease. The Lancet Neurology, 3(10):579-587.
  6. Tangney CC, Li H, Wang Y, et al. (2014). Relation of DASH- and Mediterranean-like dietary patterns to cognitive decline in older persons. Neurology, 83(17):1410-1416.
 

บทสรุป
ในยุคที่ทุกคนต้องการ สารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความจำ และการทำงานของสมองอย่างมีประสิทธิภาพ การใส่ใจเลือกสรรอาหารที่เหมาะสม ร่วมกับการใช้ชีวิตประจำวันที่ถูกต้องและสมดุล ถือเป็นรากฐานของการมีสุขภาพสมองที่ดี หากรู้ตัวว่ามีแนวโน้มขาดสารอาหารบางอย่าง หรือมีภาวะเครียดสูง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและเลือกแนวทางการบำรุงสมองที่เหมาะสม การลงทุนในสุขภาพสมองตั้งแต่วันนี้ ย่อมส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวอย่างแน่นอน

หากคุณกำลังมองหาบริการดูแลวิตามินเฉพาะบุคคล (Personalized Vitamins) ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ให้ Vitalab เป็นคำตอบของคุณ เรามีบริการตรวจเลือดถึงบ้านเพื่อลดความยุ่งยากและประหยัดเวลา พร้อมทั้งให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่พร้อมออกแบบโปรแกรมวิตามินเฉพาะสำหรับคุณโดยเฉพาะ

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ผู้ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาวะสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก่อนตัดสินใจรับประทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ